วันเสาร์, ตุลาคม 25, 2551
อยู่ในช่วงปรับปรุง...
แต่เป็นการบอกว่า ผมกำลังจะปรับปรุงบล็อกนี้ให้มันดูดีขึ้นนิดนึง (จากเดิมที่ดูทุเรศมากกว่าดูดี)
ว่าแต่ จะเริ่มจากเปลี่ยนอะไรดี
อ่อ
เปลี่ยนโดเมนเนมก่อนดีกว่า
ว่าแล้วก็เลยไปหาบริการโดเมนฟรี อย่าง co.cc
แต่กว่าจะเซ็ตให้มันได้ แทบรากเลือดเหมือนกัน
เอาละ หลังจากได้โดเมนมาแล้ว ต่อไปก็ต้อง เริ่มทำการปรับปรุงหน้าตาของมันสักที
ว่าแต่ ท่านๆ ช่วยผมหน่อยครับ ว่าจะปรับยังไงดี...
วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 23, 2551
ว่าด้วยเรื่อง 3G กับคนขี้อิจฉา...
พาดหัวจาก Blognone เมื่อคลิกเข้าไปดูในเนื้อข่าวก็จะได้ใจความประมาณว่า
"บริษัท ลาว โทรคมนาคม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว (สปป.ลาว) ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ในการเปิดให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 หรือ 3G ภายในประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว"
และเมื่ออ่านจากความเห็นใต้ข่าว มีการประชดประชัด เสียดสีถึงบางประเด็น
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ (บวกปี๊ดขึ้นแฮะ...)
เพราะอะไร
-บางคนบอกว่า เหลือไทยกับพม่าืีที่ยังไม่มี
-บางคนบอก อายลาวไหม เขายังมีเร็วกว่าเมืองไทยเลย
-บางคนยังแถอีก เพราะคนที่อยู่ทำเนียบนั่นแหละ ทำให้ไม่มาสักที (อ้าว เสือกลากเข้าไปเกี่ยวเฉยเลย...)
ในความคิดผม
ผมคิดว่า การที่เมืองไทยไม่มีการให้บริการ 3G สักที เพราะอะไร
ผมว่า เพราะ กทช. ครับ!!
ยึกยัก ลีลา กว่าจะให้ License ในการอัพเดทระบบจากของเก่าที่ผู้ให้บริการ (AIS , DTAC , True Move) ซึ่งเขามีความถี่เดิมอยู่แล้ว
บางค่าย ขอนำเข้าอุปกรณ์ พี่แกยังเตะถ่วงเลย (สงสัยรอให้อีกเจ้าเขาติดตั้งเสร็จก่อน แล้วค่อยให้อีกเจ้าติดตามมา)
อีกอย่าง ถ้าพูดตามตรง บางผู้ให้บริการก็ให้บริการไปแล้ว เพียงแต่ผมคิดว่า ที่ลาวนั้น เขาให้บริการในเขตเมืองหลวง (เวียงจันทน์) จึงมีการแถลงข่าวใหญ่โต ออกข่าวไปทั่วโลก
ก็เท่านั้นเอง
จริงๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ทางลาวนั้นใช้คลื่นความถี่ในการให้บริการ 3G ที่ความถี่ใด
-จะเป็น 2100 Mhz ที่เป็นที่นิยม และถือเป็นสากล มีเครื่องลูกข่ายเยอะ
-หรือเป็น 850 Mhz ที่มีเครื่องลูกข่ายรองลงมา สากลก็นิยมเช่นกัน
-หรือจะเป็น 900 Mhz ที่เครื่องลูกข่ายน้อย (แต่ผู้ให้บริการในเมืองไทยให้บริการที่ความถี่นี้ เพราะตัวเองมีสัมปทานที่คลื่นนี้)
ผมก็อยากรู้ว่าจะใช้ที่ความถี่ใดนะครับ
อีกประเด็นที่สำคัญ
การมี 3G แล้ว แน่นอนว่าทำให้การรับส่งข้อมูล รวดเร็วขึ้น
แต่สิ่งที่ตามมาเช่นกันคือ ค่าบริการที่จะต้องแพงแน่นอน (เหมือนกับตอนที่เริ่มให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยแรกๆ)
เราเคยคิดไหมครับ!!
หรือไม่สนใจ กูอยากใช้ Video Call อยากไปงั้นๆ แหละ ไม่ก็มีไว้มันจะได้ไม่ตกกระแส (เหมือนกรณีมีมือถือแพงๆ แต่ใช้แค่รับเข้า-โทรออก ส่ง SMS และกรณีมีมือถือแต่ไม่มีเงินโทรนั่นแหละ)
บางคนบอก อ้าว ก็กูตั้งใจจะใช้แบบนี้อยู่แล้วไง ผมก็ขออนุโมทนาด้วยแล้วกัน
มีบางคนแถอีกว่า เพราะคนที่ทำเนียบ บ้านเมืองวุ่นวาย เลยไม่มีใช้ก่อนเขา
มันเกี่ยวกันด้วยเรอะ?? (หรือว่าคนอนุมัติให้คลื่น คือคนในทำเนียบ? > ตรรกะแปลกๆ ครับอันนี้)
บางคนบอกอีก ถ้าทักษิณยังอยู่ ได้ใช้ไปแล้ว
อืม ความเห็นนี้ฟังขึ้นนะ (เพราะพี่แกก็ต้องใช้กำลังภายใน ดันบริษัทบางบริษัทอยู่แล้ว เป็นเรื่องจิ๊บๆ ของพี่แก)
สรุปทั้งหมด มันคือความเห็นของคนขี้อิจฉา + ตีโพยตีพาย + มั่วไปทั่ว แค่นั้นเองครับ
ปล.มีคนบอก อยากย้ายไปลาวแฮะ จะได้ใช้
เชิญเลยครับ ตามใจท่านเลย!!! (ไปเร็วๆ ยิ่งดีนะ ฮ่าๆ)
ปล2.อ่านไปอ่านมา เหมือนคนเขียนนี่จะเป็นแบบที่สรุปนะ... (ไม่นะ)
วันศุกร์, ตุลาคม 17, 2551
จดหมายจากใจตำรวจ
เรียนผบ.ตร. ผบช.น. รองผบช.น. เราทราบดีว่า พวกท่านเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่
ไม่เคยโกหกพกลม พูดอะไรจริงใจเสมอจากข้อเท็จจริง ไม่เคยสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
ไล่ยิงประชาชน ที่ไม่มีทางสู้ ไม่ว่าเด็ก ผู้หญิง หรือคนแก่ แม้กระทั่งผู้ไม่มีอาวุธในมือ
เพราะพวกท่านคำนึงอยู่ในใจเสมอว่า ประชาชน คือนาย ของท่าน ดังนั้น แม้แต่
ผู้ที่ยกมือไหว้ หรือแม้แต่หน่วยพยาบาลที่เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ท่านก็จำเป็นที่จะต้อง
ดูแลรักษา ให้ความช่วยเหลือ เพราะเขาเหล่านั้น ก็คือประชาชน คือคนที่ไม่สมควร
ฆ่าให้ตาย ให้ได้รับบาดเจ็บ แขนขาขาด หรือถึงพิการเสียชีวิต เพราะตระหนักเสมอว่า
พวกเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น การที่หลายฝ่ายพากันกล่าวตู่ว่า
ตำรวจอย่างท่านคือเหล่าทรราช คอยรับใช้ และรับคำสั่งเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น
ล้วนไม่เป็นความจริง พวกท่านไม่เคยเป็นเช่นนั้น พวกท่านไม่เคยได้ชื่อว่าเป็น
ตำรวจสามานย์ ตำรวจอัปรีย์ ตำรวจจัญไร เฝ้าบ่อน เฝ้าซ่อง ดองคดี หรือจับแพะ
สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกท่านถูกใส่ร้าย แต่เพราะท่านเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เป็นสิ่งที่ท่านภาคภูมิใจ เพราะไม่มีหน่วยงานไหนทำได้ดีเท่าพวกท่านเหล่าสีกากี
การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่าน ข้อเท็จจริงได้ประจักษ์ทางสังคมแล้วว่า
การยิงแก๊งน้ำตา การรุกคืบกดดันให้ม็อบถอยร่นไป ตำรวจได้ปฏิบัติการ
ตามหลักสากลทุกประการ ไม่มีผิดเพี้ยน การที่สื่อมวลชนมากล่าวหาท่านว่า
ยิงใส่ตรงๆ อย่างไม่ยั้ง ชนิดมันมือ เล็งปืนใส่ตัวผู้ชุมนุม หวังให้บาดเจ็บล้มตาย
ล้วนเป็นการใส่ความพวกท่านทั้งสิ้น เรื่องเหล่านี้ ไม่เคยมีอยู่ในใจตำรวจ เพื่อ
พวกท่านจะได้เสวยสุข บนกองเลือดของประชาชน มียศ และมีตำแหน่งสูงขึ้น
เรื่องแบบนี้ ท่านไม่ทำแน่นอน เพราะเป็นสิ่งชั่วร้าย อีกสิ่งที่พวกท่านไม่ทำคือ
การจับกุม และยัดข้อหาต่างๆที่พอจะหาได้ใส่แกนนำพันธมิตรฯนั้น
ไม่ได้มีการดำเนินการเป็นจริงเป็นจังตามที่ถูกสังคมประณาม แต่
เมื่อมีจังหวะเหมาะๆ คงไม่ปล่อยไว้แน่ เพราะ
ตำรวจต้องทำตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ได้เป็นไปตามคำกล่าวหาว่า
ตำรวจคือทาสรับใช้นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ที่คอยรับเศษเงินไปวันๆเท่านั้น
วิธีการอ่าน (spoil) : อ่านเว้นบรรทัด นับจากบรรทัดแรก...
ที่มา : เว็บเสรีไทย (มาจาก manager อีกที...)
วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 16, 2551
ให้กำลังใจ...
ผมรู้ครับ ว่าท่านต้องรับแรงกดดันมากมายจากหลายด้าน
ทั้งจากทำเนียบ ทั้งจากเขมร ทั้งจากลอนดอน และจากหลังบ้านข้างเตียงท่าน
นอนคืนไหน เหมือนจะหลับไม่ลง
บริหารประเทศยังไง ก็เจอทางตัน
ให้ตำรวจสลายม็อบ ก็ดันไปทำคนตาย เจ็บอีก
ผมรู้ว่าท่านเหนื่อยครับ (ดูจากหน้าตาก็รู้)
ฉะนั้น ขอมอบกำลังใจให้ท่าน ด้วย
เอ๊ะ หรือจะเอาเป็นอันนี้แทนดี...
อีกอย่าง ว่างๆ เดี๋ยวซื้ออันนี้ส่งไปลอนดอนดีกว่า เป็นของขวัญพิเศษ
วันอาทิตย์, ตุลาคม 05, 2551
เสียดาย...
เมื่อกลับเอามาคิดอีก มันก็ยิ่งก่อให้เกิดความรู้สึกอย่างนี้ขึ้นมาอีก
เช่น ตอนที่ไปเข้าค่ายที่ลาดกระบัง
ไปดูรูปคนอื่น เขาก็มีรูปถ่ายคู่กันหมด (ไม่หมดหรอก แต่เขามีกันหนะ...)
มาดูกู ไม่มีเลย (แต่มีรูปอื่นๆ มาห้าร้อยกว่ารูป แทนกันได้หนะ...)
ว่าไปก็น่าเสียดายเหมือนกันนะ
รู้อย่างนี้ กูก็ไม่ถ่ายเก็บไว้เหมือนเดิมแหละ ดีแล้ว (เพราะกูไม่ใช่พวกเห็นกล้องแล้วถลาเข้าใส่ เห็นกล้องแล้วต้องทำท่าสิ้นคิด "แอ๊บแบ๊วสองนิ้ว" สักหน่อย)
ปล.1 ดูแต่ละคนสิ น่าถ่ายคู่ทั้งนั้น (กล้องกูก็เอาไป ทำไมกูไม่ถ่ายวะ...)
ปล.2 ลองค้นอีกที อ้าว กูก็มีรูปถ่ายคู่อยู่นี่หว่า...
ปล.3 ในรูป หาให้เจอก็แล้วกัน ฮ่าๆ
ทีวีไดเร็ค บนลาวสตาร์แชนแนล
จนมาสะดุดกับช่องลาวสตาร์แชนแนล รายการแนะนำสินค้าของ "ทีวีไดเร็ค" เมืองไทยนี่แหละ
เป็นโฆษณาขายเครื่องคั้นน้ำผลไม้ หลายคนอาจจะคุ้นๆ นะครับ
แน่นอน ช่องของลาว ก็ต้องใช้ภาษาลาวสื่อสาร
ซึ่งก็ฟังออกบ้าง ฟังแล้วงงๆบ้าง บางคำก็ขำๆ ฮาๆ (เพราะผมก็ใช้เป็นคำแซวมากกว่าที่จะใช้เป็นคำทางการ)
เอาละ เรามาดูราคาของเครื่องนี้ดีกว่า
ปกติ 1,499,000 กีบ (หนึี่งล้านสี่แสนเก้าสิบเก้าพันกีบ)
เหลือ 990,000 กีบ (เก้าแสนเก้าสิบพันกีบ)
แต่ก็มีสิ่งที่ผมแปลกใจอยู่นิดนึงเหมือนกัน
เขาทำโมเสกชุดว่ายน้ำครับ!!!
เหมือนกับเป็นการแสดงให้เห็นถึงการรักษาวัฒนธรรม (หรือเปล่า) ที่เหมือนกันการทำโมเสคว่ามันเ้ป็นสิ่งที่ไม่น่าดู
หรืออาจจะบอกได้ว่า มันเป็นสิ่งที่ชาวลาวยังรับไม่ได้
ไม่เหมือนเมืองไทยเนอะ ใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นหน้า 1 กันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว!!!
ค่าส่ง 60,000 กีบ (หกสิบพันกีบ)
ปล.อยากรู้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เอา 250 หารนะครับ...
วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 02, 2551
กีฬาสีอีกแล้ว!!!
หมดบทพูดครับเมื่อเจอคำนี้ -*- (อันที่จริงอยากจะพูดต่อนะ แต่ว่าดูจากสถานการณ์ แล้ว ถ้าพูดต่อโดนแน่ - -)
อะไรกันน่ะ? กีฬาสี แข่งเอาสนุกสนาน แต่ถ้าไม่เด่นกว่า ไม่ดีกว่า ก็ไม่สนุก งั้นรึไง? ทำไมล่ะ? ทำไมเป็นแบบนี้? ไม่ใช่ครั้งแรก แต่หลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ควักเนื้อตัวเองไปทุกครั้ง เดือดร้อนเงินตัวเอง เดือดร้อนเงิน เปลืองเวลาทั้งตัวเองทั้งเพื่อน เรียนก็ออกมาไม่ดี อ้างว่าไม่มีเวลา พอผลการเรียนตกก็บ่นๆๆๆๆ ไม่ก็ร้องห่มร้องไห้
แล้วไอ้เวลาทั้งหลายที่มันมีก่อนหน้านี้ล่ะ?
จริงอยู่ที่ว่าเรียนหนัก แถมงาน+กิจกรรมเยอะ แทนที่จะหาวิธีลดงานอื่นที่จะลดได้ เอาเวลามาเรียนหนังสือก็ไม่ทำ กลับหางานมาเพิ่ม อะไรบ้างก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ แล้วยังจะมาบ่นมาร้องไห้อีก แบบนี้มันน่า...นะ
จนถึงตอนนี้ เงินก็ไม่มี งบก็ไม่มี แต่ก็ไม่รู้จักจำ สักแต่ว่าจะทำๆ อยากทำๆ ก็จะทำอยู่นั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าเงินมันไม่มี เบิกเอาก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เงินที่เก็บก็ได้ไม่ครบ เสียเงิน เสียเวลา อะไรก็ไม่รู้ จะบอกว่าสำรองจ่ายไปก่อน เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วท่านจะไปหาที่ไหน? แล้วไอ้คนที่บอกว่าจะทำน่ะ เอาเข้าจริงทำเองซักแค่ไหนกัน? เดือดร้อนเพื่อน เดือดร้อนคนอื่น เดือดร้อนตัวเองด้วย (กรณีหลังนี่ละได้ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็แล้วแต่นะ) เพราะไอ้คนบอกว่าอยากท้ามม... มันก็จะทำ ไอ้คนที่ไม่อยากทำ มันก็ต้องทำ เพราะว่าคนพวกแรกจะเสียงดังกว่า(+มีเยอะกว่า)เสมอ ส่วนพวกยังไงก็ได้ก็...
ก็เข้าใจอยู่ว่าอยากทำให้ดี อยากชนะ อยากมีศักดิ์ศรีอันน่าภาคภูมิ(ที่ได้มาจากการกระทำแบบ...นี้) กลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่น คนอื่นจะดูถูก จะนินทา - - (ไอ้คนที่คิดจุกจิกกับเรื่องแค่นี้ คุณยังไปสนใจความคิดกับคำพูดพวกนั้นอีกเหรอ? เราทำดีกว่าแล้วเค้าจะชื่นชมรึไง? ไม่เลย ก็...งั้นๆ แหละ หรืออาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วทำไมยังจะแคร์อีกล่ะ?) ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คุณจะไปสนทำไม? ถึงเราจะทำไม่ดีเท่า ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำเต็มที่ เค้าอยากทำดีแค่ไหนก็ทำไปสิ คุณทำไม่ดีก็ไม่มีใครมาจับคุณถ่วงน้ำซักหน่อย ทำพอสมควรก็พอ อย่าลืมว่าเรื่องเรียนเป็นหลักนะจ๊ะ จะเอ็นท์ฯกันอยู่แล้วน้า
อีกอย่าง กีฬาสีเราแข่งเพื่ออะไรครับ?
ถามใคร ใครเค้าก็บอกว่า เพื่อความสนุกสนานและความสามัคคี
ถามล้านรอบ ก็ตอบเหมือนเดิมทุกคน
แล้วผมอยากรู้ว่า ไอ้ที่มันเป็นอยู่ตอนนี้เนี่ย ตามจุดประสงค์เลยว่างั้นเถอะ? เห็นด่ากันได้ตลอด นินทากัน ทะเลาะกัน ดีนะยังไม่ตบกัน(หรือว่ามีแล้วแต่ผมไม่รู้?) มองหน้ากันไม่ติดตั้งแต่เริ่มงานยันงานจบก็ยังเหมือนเดิม เผลอๆ ทะเลาะกันแรงขึ้นอีกต่างหาก ทั้งปัญหาภายในภายนอก เยอะแยะไปหมด แก้ยังไงก็ไม่หมด เพราะมันก็จะมีมาใหม่เรื่อยๆ(จาก...เยอะ)
ณ จุดนี้ งบก็ติดลบเป็นหมื่นแล้ว(เก็บจากไหน? -> ก็ (พ่อแม่) เพื่อนที่น่ารักไง!) แต่ก็ยังจะทำโครงการให้มันใหญ่ขึ้นไปอีก งบที่รู้ๆ อยู่แล้วว่าไม่พอจะทำ แถมยังบานออกเรื่อยๆ เพราะราคาสูงกว่าที่คิด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสน... บอกแต่ว่า ทำเลยๆ คุ้ม(ตรงไหน?) บางโชว์ โชว์ครั้งเดียวหมดงบเกือบพัน! เพลงไม่ถึงนาทีหมดเป็นพัน! เพื่อ?
ยังครับยังไม่จบ มีอีกหลายโครงการที่กะไว้ แล้วยังไม่รู้งบ นี่ก็ท่าทางจะบาน(อีกแล้ว) เผลอๆ ต้องควักเนื้อคนละเป็นพัน เพื่อเอามาอุดรูรั่วที่(พวก...บางคน)ทำกันขึ้นมา
น่าเกลียดมากครับ!!!
แถมยังบอกไว้ชัดเจนเลยว่า คงต้องเก็บกันเอง แน่ะ! ตอนแรกก็ว่าจะเก็บน้อย สุดท้ายก็เหมือนเดิม บอกว่าจะหามาคืนให้อยู่บางส่วนมันก็...นะ(จะได้คนละถึงครึ่งที่เสียมั้ย? = ไม่มีทาง!)
แล้วยังมีการมาอ้างอีกว่า ที่เก็บน่ะมันต้องเก็บอยู่แล้ว เพราะยังไงงบมันก็ไม่พอ... งบไม่พอก็รู้อยู่ แล้วคุณจะทำนั่นทำนี่ หรูเริดเยอะแยะ ให้มันเปลืองเงินหา...อะไรครับ
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม? มันถึงออกมาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีงานกีฬาสี ผมไม่เข้าใจ ว่าทั้งที่เราก็รู้อยู่ว่าปัญหามันเป็นแบบนี้ รู้มาตั้งแต่อยู่ ม.ต้นแล้ว แต่เหมือนเอาเข้าจริงมันก็แก้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนทำเองแท้ๆ
ผมเองก็พอจะเข้าใจว่า คนที่อยากทำนั้น ยังมีความคิดที่ค่อนข้างจะเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่มาก(ก็วัยรุ่นนี่นะ - -)แต่ว่าการที่ต้องมารับผิดชอบงานใหญ่แบบนี้ ถ้าไม่คิดคำนวณให้ดีผลเสียจะมีมากกว่าผลดีนะครับ จริงอยู่ว่างานออกมาดี สวยงาม แต่มันก็แค่พักเดียว
พักเดียวจริงๆ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย
แล้วทำไมเราต้องใช้เวลาและเงินมากมายไปลงทุนกับเรื่องพวกนี้ด้วย?
ไม่มีใครบังคับให้คุณทำเลิศเลอด้วยซ้ำ คุณทำเองทั้งนั้น
อาศัยแค่ความรู้สึกว่าอยากทำๆ งบก็มีไม่พอแต่ก็จะทำอย่างเดียว แบบนี้มันไม่ได้ เพราะคุณยังไม่มีวิธีหาเงินด้วยตัวเอง แล้วคุณคิดกันยังไงล่ะ? ก็แค่ไปขอพ่อแม่มา ให้เพื่อนไปขอมา เราไม่มีทางเลือก หรือจะบอกให้ไปหาสปอนเซอร์? ง่ายขนาดนั้นเลยรึ? ถ้าอะไรๆ มันง่ายขนาดนั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วล่ะ
เลิกคิดอะไรๆ แบบเด็กๆ ซะที มันเดือดร้อนคนอื่นเค้า(พ่อแม่เค้าด้วย)
ผมแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ทำไมพวกที่เป็นแบบนี้ ถึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ก็มีมากกว่าเสมอ เพราะอะไร?
เพราะพวกเค้ายังโตไม่พอที่จะมีความคิดที่กว้างพอที่จะทำงานใหญ่ๆ หรือเพราะแค่ว่าไหนๆ ก็เป็นสต๊าฟฟ์เชียร์แค่ปีเดียว ซักครั้งจะเป็นไรไป? (เข้าใจอยู่ว่าแค่ปีเดียว เลยอยากทำให้มันเป็นความทรงจำ แต่ทำไมคุณต้องให้คนอื่นที่เค้าไม่เต็มใจจะทำ (ขนาดนั้น) ต้องมาเดือดร้อนไปกับคุณด้วย?)
อาจเป็นเพราะคนพวกนี้เสียงดังกว่า เลยมีอิทธิพลมากกว่า(รวมถึงจำนวนคนเยอะกว่าด้วย) ว่ามันไม่มีอะไรหรอก ผลดีที่ได้มันคุ้ม แต่ถ้ามองจากความเป็นจริง คุณคิดว่ามันจะคุ้มกว่าไหม? ถ้าเราเอาเงินเอาเวลา(ที่เกินความจำเป็น)ไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ซึ่งคงไม่ต้องถามว่าเป็นเรื่องไหน เพราะมันมีเยอะมากจนคุณอาจจะงงก็ได้ที่คุณลืมมันไปได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ทุกคนที่เข้ามายุ่ง ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแบบนี้ทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นเพราะทำแล้วสนุกแต่ลืมนึกถึงผลร้ายที่ตามมา นึกถึงแต่ผลดี ...ซึ่งถ้าจะบอกว่ามันเป็นการมองโลกในแง่ดี ก็คงไม่ใช่ เพราะนั่นมันคือการหลอกตัวเอง ว่ามันไม่มีอะไรหรอก ผลดีที่ได้มันคุ้ม แต่ถ้ามองจากความเป็นจริง คุณคิดว่ามันจะคุ้มกว่าไหม? ถ้าเราเอาเงินเอาเวลา(ที่เกินความจำเป็น)ไปทำอย่างอื่น ที่มันไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ซึ่งคงไม่ต้องถามว่าเป็นเรื่องไหน เพราะมันมีเยอะมากจนคุณอาจจะงงก็ได้ที่คุณลืมมันไปได้ว่ามีอะไรบ้าง
อยากจะขอไว้อย่างหนึ่งว่า เวลาทำงาน กรุณาคิดอะไรให้มันรอบคอบหน่อย อย่าคิดแต่ว่าอยากทำๆ แล้วก็จะทำ ทำแบบนั้นดี แบบนี้คุ้ม ทำอย่างเดียว ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้จักประมาณตัวเอง ประมาณเพื่อน ถึงจะบอกว่าคิดอยู่ แต่ทำแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่คิดหรอกครับ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย อยากฝากไปถึงท่านทั้งหลายที่ทำงานกีฬาสีทุกคน
โดยเฉพาะพวกแกนนำนะครับ
ถ้ามองในแง่บวกหน่อย ก็อาจจะพอพูดได้ว่า ก็พวกเค้ายังเด็ก ทำงานอะไรๆ ก็เป็นแบบนี้ล่ะ เรื่องธรรมดา
แต่ก็เพราะไอ้ความเป็นเด็กนี่ล่ะครับ ที่ทำให้หลายๆ คน รวมทั้งผู้ปกครอง ต้องเดือดร้อนกัน ไม่ใช่หรือครับ?
แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง แล้วมันจะเป็นยังไงครับ? ก็จะต้องเดือดร้อนกันแบบนี้ทุกรุ่นเลยหรือ?
มันไม่ถูกต้องนะครับที่จะทำแบบนี้ ไม่ถูกต้องเลยจริงๆ (อันที่จริงมันก็ผิดตั้งแต่คุณจะเก็บเงินแล้วล่ะ -*-) อย่าลืมว่าหน้าที่หลักของเราคือเรียนหนังสือ เพราะฉะนั้นเราควรจะทุ่มเทเวลาและเงินให้กับส่วนนั้น แต่ถ้าคุณเอาเงินเอาเวลามาทำแบบนี้ มันก็จะส่งผลต่อการเรียนไม่มากก็น้อย แล้วคุณจะมาบ่นทีหลังว่างานเยอะไม่ได้นะครับ เพราะคุณทำตัวเองทั้งนั้น แต่ที่น่าสงสารกว่าก็คือผู้ปกครอง ที่ให้เงินมาใช้ในการทำกิจกรรม แต่การเรียนของลูกๆ กลับตกลง แบบนี้มันเหมือนเป็นการเอาเปรียบผู้ปกครองนะครับ กรุณาพิจารณาให้ดีอย่างถี่ถ้วนด้วย คิดดูดีๆ ครับ
ปัญหาแบบนี้มีทางแก้มากมาย และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยถ้าจะทำ(แต่ก็ไม่เคยเห็นทำซักที) เอาง่ายๆ ตัดโครงการที่มันเลิศเลอออกไปแล้วทำแค่พอประมาณ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วครับ ง่ายๆ แถมทำให้เรามีเวลาทำส่วนอื่นมากขึ้นด้วย
แต่ในเมื่อมันง่ายแค่นี้ ทำไมๆๆ และทำไม ถึงไม่มีใครเริ่มที่จะทำเลยล่ะครับ?
วันศุกร์, กันยายน 05, 2551
เป้าหมายของ กีฬาสี...
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542)
แต่ กีฬาสี ของแก่นนครวิทยาลัย มีความหมายถึงอะไรครับ
-การเอาชนะ
-การแตกความสามัคคี
-ความขัดแย้ง
-งบประมาณบานปลาย (ได้ยินว่าเก็บเพิ่มเป็นพัน!!)
หรืออะไรครับ???
และการแข่งขันกีฬาสี ในความหมายของแก่นนครฯ คืออะไร
ก.เชียร์ลีดเดอร์
ข.ขบวน
ค.สแตนด์
ง.การแสดง
จ.แบตมินตัน , กรีฑา , ฟุตบอล , วอลเลย์บอล ฯลฯ
เท่าที่ผมดู คงต้องตอบว่า ถูกทุกข้อ ยกเว้น จ.!!!
เพราะ เป้าหมายหลักของการแข่งขันที่หลายคนมองผิดไป ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ใช่หรือไม่???
--------------------------------------------------
ถ้าเราเปลี่ยนความหมายของ "กีฬาสี" เป็น
-ความสนุกสนาน
-ความเฮฮา
-น้ำใจ และมิตรภาพ
คงจะทำให้ ความหมายด้านบน เปลี่ยนไป...
และถ้าเรา เปลี่ยนเป้าหมายในการแข่งขัน โดยเน้นข้อ จ. เป็นหลัก
ก็เชื่อว่า คงจะไม่มีความหมายของกีฬาสี แบบในตอนต้น แน่นอน!!!
วันพุธ, สิงหาคม 20, 2551
สัด-จะ-ทำ...?!?
สูง เตี้ย
ดำ ขาว
หล่อ สวย ขี้เหร่อ
รวย จน
เก่ง โง่
ตายไป ก็เป็นเพียงแค่เศษผง เศษขี้เถ้า สูงไม่เกินเซนติเมตร เท่านั้นเอง
คนเรา จะดั้นด้นหากันไปทำไม
ตายไป ก็เอาอะไรไปไม่ได้
หรือ...
เราจะคิดว่า
ชีวิตนี้ ได้เกิดมา ขอทำอะไรตามใจอยากไปเลย
ไหนๆ ก็เกิดมา เกิดหนเดียว ตายหนเดียว (หรือเปล่า?)
ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกใช้ชีวิตแบบใดดีครับ
ตอบแล้ว ช่วยเลือกให้ผมหน่อย
กูเลือกไม่ถูกโว้ย!!!!
วันอังคาร, กรกฎาคม 22, 2551
โรงพยาบาล...
- โจก็มีปัญหาเรื่องไส้ติ่ง (หรือลำไส้?) เข้าโรงพยาบาลไปก่อน (15/7/51)
- ต่อมาสัปดาห์ต่อมา กันต์ก็เป็นอะไรไม่รู้เกี่ยวกับหัวใจ เข้าตามกันมา (21/7/51)
จะว่าไป การที่คนเราไม่สบาย หรือมีเหตุอะไรฉุกเฉิน มันก็มีข้อดีอยู่บ้างนะ
-จะได้เห็นความสามัคคีของเพื่อน (มาเยี่ยม มาช่วยเหลือกัน)
-จะได้เห็น "จิตใจที่แท้จริง" ไม่ได้เห็นเพียงแต่ภายนอกที่ตนเองคิดไป
-จะได้เห็น "โอกาส" ที่มาจาก "วิกฤต" (ที่ไม่ใช่การฉวยโอกาส)
ว่าแต่ ใครจะเป็นรายต่อไปที่จะได้เข้าไปในโรงพยาบาลเนี่ย... (หวังว่าคงไม่มีแล้วนะ...)
ปล.เขียนบล็อกในขณะที่ขาตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน เฮ้อ...
วันเสาร์, กรกฎาคม 19, 2551
เปิดตัว
อาจจะเป็นเนื้อหาเดียวกันกับที่ OKNation (http://www.oknation.net/blog/kasemsakk) แต่อาจจะใช้ภาษาที่ตรงกว่า สำหรับที่นี่
ยังไงก็ มาดูหน่อยเถอะ
บล็อกนี้คงจะอัพเดทบ่อยที่สุดแล้วมั้ง...
ปล.มีอีกที่ bloggang แต่อันนั้นมากับพันทิป ขี้เกียจใช้ ไม่อยากเจอหมาของไอ้หน้าเหลี่ยม)